Stock : SKE
Price : 1.34
Target Price : 1.50
Rating : BUY
กำไรหด หลังต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ช่วง 1Q61 กำไรหดตัว 23.8%YoY หลังมาร์จิ้นลดลง และค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้น
แม้ช่วง 1Q61 SKE จะมีรายได้ให้บริการทรงตัว YoY ที่ระดับ 83 ล้านบาท จากปริมาณอัดก๊าซธรรมชาติที่ 610 ตัน/วัน แต่ยังมีปัจจัยกดดันจาก 1) อัตรากำไรขั้นต้นลดเหลือ 42.3% จาก 44.3% ในช่วง 1Q60 หลังมาร์จิ้นอัดก๊าซลดลงจากอัตราค่าไฟฟ้าที่ปรับขึ้น และ 2) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 38.3%YoY หลังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น บวกกับค่าเช่าสำนักงานใหม่เพิ่มขึ้น จึงกดดันให้ช่วง 1Q61 SKE มีกำไรสุทธิ 18 ล้านบาท หดตัว 23.8%YoY
ปรับลดประมาณการลง โดยคาดปี 61 กำไรยังโต 6.6%YoY จากปริมาณอัดก๊าซที่สูงขึ้น
กำไรสุทธิช่วง 1Q61 คิดเป็น 13.7% ของประมาณการทั้งปี ซึ่งต่ำเกินไป หลังมาร์จิ้นลดลงและมีค่าใช้จ่ายบริหารเพิ่มขึ้น ดังนั้นเพื่อยึดหลักอนุรักษ์นิยม เราจึงขอปรับลดประมาณการกำไรลงเฉลี่ยปีละ 21.7% โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2561 SKE จะมีแรงหนุนจาก 1) รายให้บริการอัดก๊าซธรรมชาติที่คาดโต 6.5%YoY จากความต้องการใช้ NGV ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และ 2) อัตรากำไรขั้นต้นคาดเพิ่มเป็น 43.0% จาก 42.7% ในปี 2560 หลังโรงงานอัดก๊าซได้รับปรับปรุงประสิทธิภาพในช่วงปลายปี 2560 จึงคาดหนุนให้ปี 2561 SKE จะมีกำไรสุทธิ 79 ล้านบาท โต 6.6%YoY ส่วนในปี 2562 คาดกำไรจะโตเด่น 38.6%YoY หลังสถานีบริการ NGV ตามแนวท่อแบบ Ex-Pipeline ที่จ.นครสวรรค์เริ่มเปิดให้บริการในช่วง 1Q62 ซึ่งคาดสร้างรายได้ราวปีละ 100 ล้านบาท
คงแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2561 ที่ 1.50 บาท
แม้ปี 2561 คาด SKE จะมีกำไรโตไม่เด่นนักหลังต้องเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่ปี 2562 คาดกำไรจะโตเด่น 38.6%YoY จากเริ่มรับรู้รายได้จากสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ บวกกับมี Upside Risk จากธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 9.9MW (ถือหุ้น 80%) ที่จ.แพร่ (MKP) โดยคาด COD ในช่วง 2H62 ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการ อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 11.9% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2561 ที่ 1.50 บาท (วิธี DCF) และคาดจะกลับมาจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2561 คิดเป็น Div. Yield ราว 3.4% จึงคงแนะนำ "ซื้อ"