SKE ปี62 ธุรกิจหลักโต 10% ศึกษาลงทุนพลังงานเพิ่ม

ทันหุ้น – SKE มองแนวโน้มธุรกิจบริการอัดก๊าซ NGV ปี 2562 เติบโต 10% ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมโลจีสติกส์ เล็งรับรู้รายได้จาก CBG Station และโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่กระทิง หนุนผลงานโตต่อเนื่อง คาดรายได้ปี 2561 โตใกล้เคียงก่อน เล็งบันทึกกำไรพิเศษจาการขายที่ดินเข้ามาชดเชย คาดได้ข้อสรุปเดือนธ.ค.นี้ ขณะที่อยู่ระหว่างศึกษาลงทุนธุรกิจพลังงานเพิ่ม

นายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สากล เอนเนอยี (จำกัด) มหาชน หรือ SKE เปิดเผยว่า บริษัทมองว่าแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2562 ธุรกิจบริการอัดก๊าซ NGV น่าจะเติบโต 10% จากปีนี้ จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงการขายก๊าซจากโครงการ CBG Station และรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่กระทิง ขนาดกำลังผลิต 9.90 เมกะวัตต์

*จ่อรับรู้รายได้ CBG

สำหรับโครงการ CBG Station อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จากเดิมที่เน้นขายปลีกให้กับลูกค้ารายย่อยเป็นการขายส่งให้กับกลุ่มปตท. ทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงก๊าซและตรวจสอบให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด คาดว่ากระบวนจัดทำสัญญาจะเสร็จสิ้นและสามารถเปิดใช้บริการภายในเดือนธ.ค. นี้แน่นอน รวมถึงจะเริ่มทำการขายก๊าซ CBG เต็มรูปแบบได้ในเดือนม.ค. 2562 โดยโครงการดังกล่าวมีขนาดกำลังการผลิตก๊าซ 9 ตันต่อวัน

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้า ชีวมวลแม่กระทิง ในอ.ร้องกวาง จ.แพร่ ขนาดกำลังผลิต 9.90 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ประมาณเดือนมิ.ถุนายน 2562 โดยมีสัญญาขายไฟ 8 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในอัตราเฉลี่ยที่ 4.62 บาท ต่อหน่วยตลอดอายุสัญญา 20 ปี ช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตอย่างมั่นคง

*ศึกษาลงทุนพลังงาน

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาและประเมินความคุ้มค่าของโครงการพลังงานรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ปี 2562 กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นแตะระดับ 30 เมกะวัตต์ ตามเป้าหมาย

ด้านแนวโน้มผลประกอบการในปี 2561 น่าจะเติบโตใกล้เคียงปีก่อนที่มีรายได้ 333.70 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 73.92 ล้านบาท เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายจากการศึกษาโครงการต่างๆ เพื่อสนับสนุนการเติบโตในอนาคต ซึ่งอาจทำให้ความสามารถในการรับรู้กำไรลดลง

อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าจะมีกำไรพิเศษจากการขายที่ดิน 101 ไร่ ในจังหวัดสงขลาเข้ามาชดเชย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา เบื้องต้นประเมินว่าเป็นการแบ่งขายที่ดินบางส่วน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนธันวาคมนี้ ส่งผลให้ภาพรวมผลประกอบการในช่วงสิ้นปีนี้ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

*ยอดการอัดก๊าซ 600 ตัน

ขณะเดียวกันบริษัทคาดว่ายอดการอัดก๊าซเฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ 600 ตันต่อวัน จากปีก่อนอยู่ที่ 579 ตันต่อวัน โดย 9 เดือนยอดการอัดก๊าซอยู่ที่ราว 569 ตันต่อวัน ลดลงจากช่วง 6 เดือนแรกของปีซึ่งอยู่ที่ 600 ตันต่อวัน เนื่องจากการปรับเปลี่ยนแนวท่อขนส่งก๊าซของปตท. ซึ่งกระทบกับบริษัทซึ่งเป็นสถานีแม่

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงาน 9 เดือนปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 255.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 247.3 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการอัดก๊าซที่เพิ่มขึ้น และในงวดนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 45.16 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิ 55 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่าไรก็ดี บริษัทยังสามารถรักษาโครงสร้างการเงินที่ดี โดยมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.15 เท่า และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ประมาณ 40% และอัตรากำไรสุทธิที่ประมาณ 18%

ที่มา: https://www.thunhoon.com/186281/12/30/