SKE เคาะแผนปี61 เป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 15% รุกธุรกิจใหม่ผลิตก๊าซ CBG


HotNews:SKE เคาะแผนปี61 เป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 15% รุกธุรกิจใหม่ผลิตก๊าซ CBG

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 26 มกราคม 2561)-------- SKE ตั้งเป้าปี 61 รายได้โตไม่ต่ำกว่า 15% คาดดีมานต์ NGV กลับมาโตในรอบหลายปี ตามโลจิสติกส์ขยายตัว พร้อมเปิดธุรกิจใหม่ ขยายธุรกิจพลังงานเต็มรูปแบบ ผลิตก๊าซ CBG คาดโอกาสเติบโตสูง ดันรายได้โต เผยมีเป้าหมายลงทุนธุรกิจไบโอก๊าซไม่น้อยกว่า 5 โครงการ ภายในปี 63 แย้มอยูระหว่างเจรจาซื้อโรงไฟฟ้า VSPP ราว 2-3 โครงการ กำลังการผลิตไม่เกิน 9 MW/แห่ง คาดสรุปภายในปีนี้เล็งขายที่ดิน 100ไร่ ในจ.สงขลา มูลค่าราว 50- 60 ลบ. หวังนำเงินรองลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทน

นายชัชชัย สุเมธโชติเมธา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สากล เอนเนอยี (จำกัด) มหาชน หรือ SKE เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2561 เติบโตไม่ต่ำกว่า15% โดย คาดว่าธุรกิจหลักจะเติบโตจากปริมาณการใช้ก๊าซ NGV ที่จะกลับมาเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี เนื่องจากการขยายตัวของโลจิสติกส์ และปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากการขยายตัวของการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม นโยบายส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ เช่น การจัดตั้งเศรษฐกิจพิเศษ 5 จังหวัด 6 พื้นที่ เพื่อรองรับ AEC , การลงทุนในโครงการ EEC เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ ปริมาณการนำเข้าและส่งออกที่เพิ่มขึ้น มีผลให้มีความต้องการใช้ก๊าซ NGV เพิ่มขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้บริษัทฯยังได้รับประโยชน์โดยตรงจาก การปิดซ่อมบำรุงสถานีอัดก๊าซของปตท. ที่ปิดซ่อมบำรุงเป็นเวลา ประมาณ 1 ปี ทำให้สถานีอัดก๊าซของบริษัทฯซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน มีปริมาณการอัดก๊าซเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็ได้ดำเนินการศึกษาธุรกิจพลังงานทดแทนที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอดจึงเป็นที่มาของการ เข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ คือธุรกิจการผลิตและจำหน่ายก๊าซ CBG บริษัทฯ ได้เข้าถือหุ้น 75% ในบริษัท อาร์อี ไบโอฟูเอลส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) มีขนาดกำลังการผลิตกว่า 3,000,000 กิโลกรัม / ปี โดยจะใช้ก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียของโรงงานแป้งมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบในการผลิตก๊าซ CBG โดยกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่โรงงานแป้งสำปะหลัง บ่อก๊าซชีวภาพ และ โรงงานผลิตและจำหน่าย CBG ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันทั้งหมดซึ่งเป็นกระบวนการบำบัด กำจัดและ ผลิตบนพื้นที่ของโครงการทั้งหมด จึงทำให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งกระบวนการ โดยบริษัทจะจำหน่ายก๊าซ CBG ให้กับรถขนส่งที่ใช้ก๊าซ NGV เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ขายก๊าซฯ ให้กับ บริษัท ฟ้าสางวู๊ดชิพ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในบริเวณพื้นที่ตั้งของโครงการ 7,000 กิโลกรัม ต่อ วัน หรือ คิดเป็นจำนวนกว่า 2,310,000 กิโลกรัม ต่อ ปี เรียบร้อยแล้วจึงมั่นใจว่าจะเป็นรายได้เสริมที่ต่อเนื่องและมั่นคง ตามกลยุทธ์หลักของ SKE ทั้งนี้บริษัทฯใช้เงินลงทุนในโครงการนี้ประมาณ 80 ล้านบาท คาดว่าระยะเวลาในการคืนทุนประมาณ 5 ปี

อีกทั้งการลงทุนในครั้งนี้ยังได้รับการอนุมัติเงินทุนสนับสนุนจากโครงการส่งเสริมการผลิตไบโอมีเทนอัด (CBG) ในสถานประกอบการที่มีระบบก๊าซชีวภาพจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เป็นเงินจำนวน 12 ล้านบาทอีกด้วย และ ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ในเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และ เราคาดว่าธุรกิจการผลิตและจำหน่ายก๊าซ CBG มีอนาคตทางธุรกิจที่ดี ยังมีโอกาสทางธุรกิจอีกจำนวนมากเนื่องจากมีโรงงานขนาดใหญ่ และขนาดกลาง อาทิ โรงงานแป้งมันสำปะหลัง และ โรงงานอุตสาหกรรมอื่นกว่าอีก 1,000 แห่ง ที่มีน้ำเสียจากกระบวนการผลิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญที่จะสามารถนำมาผลิตก๊าซไบโอก๊าซ ซึ่งไบโอก๊าซ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในหลากหลายรูปแบบเช่น ใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้า , นำไปใช้ทดแทนเชื้อเพลิงอื่น เช่น น้ำมันเตา , LPG ที่มีราคาสูง หรือ นำมาผลิตเป็น CBG เพื่อใช้ทดแทน NGV ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการศึกษาว่าในพื้นที่ดังกล่าวนั้นมีความเหมาะสมกับการนำไปใช้ในรูปแบบใดและได้ผลตอบแทนสูงสุด โดยมีเป้าหมายจะลงทุนในธุรกิจไบโอก๊าซไม่น้อยกว่า 5 โครงการภายในปี 2563

ด้านนายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สากล เอนเนอยี (SKE) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่1/2561 เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2561ได้มีมติให้เข้าลงทุนถือหุ้น 75% ในบริษัท อาร์อี ไบโอฟูเอลส์ จำกัด มูลค่าการลงทุน 9.5 ล้านบาท โดยโครงการใช้เงินลงทุนประมาณ 80 ล้านบาทและคาดว่า จะสามารถเปิดดำเนินธุรกิจได้ภายในไตรมาสที่3ปี2561

บริษัทยังได้อนุมัติเงินกู้ยืมให้กับบริษัท อาร์อี ไบโอฟูเอลส์ จำกัด จำนวน 12 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับลงทุนในโครงการ ซึ่งบริษัท อาร์อี ไบโอฟูเอลส์ จำกัด จะชำระคืนให้บริษัทเมื่อได้รับเงินสนับสนุนจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เป็นเงินจำนวน 12 ล้านบาท

สาเหตุที่ลงทุนในบริษัท อาร์อี ไบโอฟูเอลส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายก๊าซไบโอมีเทนอัด (Compressed Bio-methane Gas) ขนาดกำลังการผลิต 9,000 กิโลกรัม/วัน โดยนำก๊าซชีวภาพที่ผลิตจากน้ำเสียของโรงงานแปรรูปแป้งมันสำปะหลัง มาเข้าสู่กระบวนการปรับปรุงคุณภาพและอัดก๊าซพื่อให้ได้ก๊าซไบโอมีเทนอัด ที่มีคุณสมบัติเทียบเท่าก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (Natural Gas for Vehicles)

ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ บริษัทฯคาดว่า การเข้าลงทุนของบริษัท อาร์อี ไบโอฟูเอลส์ เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับของเสียจากโรงงาน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทุกส่วนธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจด้านพลังงาน

แหล่งเงินที่ใช้มาจากกระแสเงินสดของบริษัทและเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ โดยคาดว่าผลตอบแทนโครงการ 12.01% ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น 28.42% มูลค่าปัจจุบันสุทธิ11.14 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาคืนทุน 5.61 ปี

อนึ่ง เมื่อปลายปี 2560 บริษัทฯได้รับอนุมัติและมีมติให้ลงทุนในโครงการบริการก๊าซ NGV ตามแนวท่อ รูปแบบ Ex-Pipeline ด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท โดยจะเปิดสถานีบริการก๊าซ NGV ที่ จ.นครสวรรค์ ภายในไตรมาส 1 ปี 2562 ซึ่งรูปแบบการลงทุนสถานีบริการก๊าซ NGV ตามแนวท่อรูปแบบ Ex-Pipeline จะสร้างผลตอบแทนและผลกำไรที่สูงกว่าสถานีบริการก๊าซ NGV รูปแบบเดิม ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้ คือ โครงการCBG และสถานีบริการก๊าซ NGV ตามแนวท่อรูปแบบ Ex-Pipeline เป็น 2 ธุรกิจใหม่ของ SKE ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงและต่อเนื่องให้กับธุรกิจหลักของ SKE ซึ่งเป็นการให้บริการรับอัดก๊าซให้กับกลุ่ม ปตท. ภายใต้สัญญาระยะยาวกว่า 20 ปี นอกจากนี้บริษัทฯยังมองหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลประกอบการและผลกำไรเติบโตให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป

ทั้งนี้บริษัทฯ ประกอบธุรกิจบริการอัดก๊าซ NGV ให้รถขนส่งก๊าซธรรมชาติของ บริษัท ปตท. จำกัด ซึ่งปัจจุบันมีสถานีก๊าซธรรมชาติของบริษัท 2 สถานี คือ 1) สถานีก๊าซธรรมชาติหลักปทุมธานี 2) สถานีก๊าซธรรมชาติหลักสระบุรี ซึ่งมีกำลังการอัดก๊าซสูงถึง 750 ตัน/วัน บริษัทฯมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างมั่นคงมาโดยตลอด สำหรับผลประกอบการในงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทฯมีรายได้ 247 ล้านบาท โดยบริษัทฯมีกำไรสุทธิ 56 ล้านบาทในปี 2560 ในงวด 9 เดือนของปีนี้ ซึ่งแม้นจะลดลงจากปีก่อน แต่บริษัทฯ ยังคงมีรายได้สม่ำเสมอและรักษาปริมาณการอัดก๊าซธรรมชาติมากกว่า ปริมาณขั้นต่ำตามสัญญาธุรกิจสถานีบริการก๊าซธรรมชาติหลักเอกชนที่ทำ กับ กลุ่มปตท.ซึงมีระยะเวลาสัญญานานถึง 20 ปี

นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาขายที่ดิน 100 ไร่ ที่จังหวัดสงขลา ที่ราคาไร่ละ 6 แสนบาท หรือมูลค่ารวมประมาณ 50- 60 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงส์เพื่อนำเงินใช้ลงทุนโครงการอื่นในอนาคต โดยบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนต่อเนื่อง เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน โดยอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อโครงการผลิตไฟฟ้าโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็กมาก (VSPP) จำนวน 2-3 ดีล กำลังการผลิตไม่เกิน 9 เมกะวัตต์/โครงการ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนปีนี้

ที่มา: http://www.hooninside.com/news-detail.php?id=757158