เปิดโมเดล SKE ปีนี้ตั้งธงโต 15%

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (12 กรกฏาคม 2561) "จักรพงส์ สุเมธโชติเมธา" SKE คาดผลงาน Q2/61 ดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน ตามปริมาณการบรรจุก๊าซพุ่ง คาดปีนี้ปริมาณการบรรจุก๊าซอยู่ที่ 630 ตัน/วัน จากปีก่อนอยู่ที่ 570 ตัน/วัน คาดกำไรปีนี้ โตกว่าปีก่อนที่ทำได้ 73.92 ลบ. -มั่นใจรายได้โต 15% ตามเป้า คาดโรงไฟฟ้าชีวมวล 8 Mw เริ่ม COD มิ.ย.ปี 62 ประเมิน IRR 12.5% ชี้หากรับรู้รายได้เต็มปี หนุนรายได้เข้า 280-300 ลบ./ปี ซุ่มศึกษาลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานชีวภาพ 4-5 Mw

นายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) SKE เปิดเผยกับสำนักข่าวหุ้นอินไซด์ว่า บริษัทฯ ประเมินผลประกอบการไตรมาส 2/2561 จะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากปริมาณการบรรจุก๊าซเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเป็น 600 ตัน/วัน ตามปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทฯ ประเมินว่าทั้งปีนี้ปริมาณการบรรจุก๊าซเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเป็น 630 ตัน/วัน จากปีก่อนอยู่ที่ 570 ตัน/วันซึ่งจะผลักดันให้รายได้จากธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชน (Private Mother Station: PMS) โดยให้บริการอัดก๊าซธรรมชาติ NGV ซึ่งเป็นธุรกิจหลักมีอิตราการเติบโต 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนปัจจุบันบริษัทฯ มีสถานีก๊าซธรรมชาติหลัก 2 แห่ง คือ สถานีก๊าซธรรมชาติหลัก ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี มีกำลังการอัดก๊าซธรรมชาติสูงสุด เท่ากับ 350 ตันต่อวัน และสถานีก๊าซธรรมชาติหลัก ตำบลท่ามะปราง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี มีกำลังการอัดอัดก๊าซธรรมชาติสูงสุด เท่ากับ 400 ตันต่อวัน

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่จังหวัดแพร่ ขนาดกำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างได้ประมาณ 20% คาดว่าจะเดือนเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ประมาณเดือน มิถุนายน ปี2562 ทำให้ในปีหน้าบริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวลเข้ามาบางส่วนด้วย โดยหากรับรู้รายได้เต็มปีจะรับรู้รายได้ประมาณ 280-300 ล้านบาทต่อปี โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 12.5%

นายจักรพงส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดว่าภาพรวมกำไรปีนี้จะเติบโตดีกว่าปีก่อน ที่มีกำไร 73.92 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจหลักมีการเติบโตดี ประกอบกับบริษัทฯ ยังมีการรับรู้รายได้จากการเข้าไปลงทุน บริษัท อาร์บี ไบโอฟูเอลล์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอก๊าซมีเทนอัด (CBG) ซึ่งถือหุ้นสัดส่วน 75% ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างเจรจาขายที่ดินเปล่า 100 ไร่ ที่จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ โดยคาดว่าจะขายได้ภายในปีนี้ โดยหากขายได้บริษัทฯ ก็จะมีการบันทึกเป็นกำไรพิเศษเข้ามา ในปีนี้ และเงินที่ได้รับบริษัทฯ จะนำเงินใช้ลงทุนโครงการอื่นในอนาคต นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้กำลังศึกษาเพื่อที่จะเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานชีวภาพ กำลังการผลิต 4-5 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันมีแหล่งก๊าซชีวภาพอยู่แล้ว ด้านแหล่งเงินทุนบริษัทฯ มีความพร้อมลงทุนทันที จากผลกำไรจากการดำเนินงาน และกระแสเงินทุนหมุนเวียน ขณะที่บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ประมาณ 0.7 เท่า

นายจักรพงส์ กล่าวด้วยว่าแนวโน้มสัดส่วนรายได้จาก ธุรกิจพลังงานทดแทนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ 30% ในปีหน้าหลังบริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวล จากปัจจุบันที่สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ มาจากธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชน (Private Mother Station: PMS) โดยให้บริการอัดก๊าซธรรมชาติ NGV ประมาณ 85-90% "เราเน้นทำ R&D เพื่อหา Innovation ด้านพลังงานทดแทน ซึ่งตรงนี้งบ R&D อาจจะไม่ได้ใช้มากนัก ต้องบอกว่าเราไม่หยุดอยู่กับที่ที่จะสร้างการเติบโต ทั้งธุรกิจใหม่ด้านพลังงานที่เรากำลังจะขยายไป ซึ่งแหล่งเงินทุนเรามีความพร้อม ขณะที่ธุรกิจบรรจุก๊าซ ของเราเป็นสัญญาสัมปทาน " นายจักรพงส์ กล่าว

ที่มา: https://www.hooninside.com/news-feed/53426/view/